"หมึกย่าง ถังแตก โอเลี้ยง ชาดำเย็น น้ำเย็นๆมาแล้ว" เสียงพ่อค้าเดินเร่ขายปลาหมึกแห้งย่างเสียบไม้ใหญ่ๆ ขนมถังแตกทำจากแป้งใส้ในโรยงา น้ำตาล และมะพร้าว อันใหญ่ๆหนานุ่ม ฯลฯ ภายใน
"หนังกลางแปลง" ตามงานวัดต่างๆ พอนึกถึงทีไรมันมีความสุขและอบอุ่นกับวิถีบ้านๆขณะนั้นอย่างบอกไม่ถูก สมัยนั้นบ้านผมอยู่ฝั่งธนบุรี แถวถนนเอกชัย บางขุนเทียน ย่านนี้จะมีวัดอยู่ติดๆกันหลายวัด เวลามีหนังกลางแปลงมาฉายที่วัดไหน หน้าที่ของผมคือหอบเสื่อมาจองที่ให้ตัวเองผู้ใหญ่แต่หัววัน เพราะผู้ใหญ่เวลาเลิกงานกลับบ้านจะได้มีที่นั่งดูหนังกัน กว่าหนังจะฉายก็ประมาณ 2 ทุ่ม เด็กๆอย่างพวกผมก็วิ่งเล่นกันแถววัดยาวไป พอหนังฉายได้สักเรื่องก็หลับไหลไม่รู้เรื่อง พอรู้สึกตัวก็นั่นละผู้ใหญ่ปลุกให้ตื่นกลับบ้าน เพราะหนังที่ฉายเรื่องแรกๆจะหนังไม่ค่อยดี ตามภาษาชาวบ้านนะ ส่วนหนังดีๆเขาจะฉายท้ายๆ เพื่อดึงดูดคอหนังให้นั่งอยู่ยาวๆกัน และนี่ก็ถือเป็นประสบการณ์ในการดูหนัง หรือภาพยนตร์สมัยเด็กๆของผม จริงๆอยากเขียนอยากเล่าผ่านตัวหนังสือให้มากกว่านี้นะ เพราะมีเรื่องที่อยากเขียนอีกเยอะเลยแต่เอาไว้แค่นี้ก่อน เพราะเดี๋ยวจะยาวไป แต่ก็ดูเหมือนจะยาวจริงๆเสียแล้ว
วันนี้มาเขียนถึงเรื่องหนังหรือภาพยนตร์ เพราะเมื่อวันเสาร์สัปดาห์ที่ผ่านมา (11 ส.ค.2561) มีโอกาสมา "ตะลอนตามอำเภอใจ" ที่RCAC BKK หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ร่วมงานเสวนาศิลปินศิลปาธร พ.ศ. 2561 สาขาภาพยนตร์และสื่อเคลื่อนไหว ซึ่งมีคุณโสฬส สุขุม หรือคุณทองดี โปรดิวเซอร์อิสระ ผู้ได้รับรางวัลศิลปาธร จากสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม มาเล่าถึงประสบการณ์การทำภาพยนตร์ในห้วงเวลาที่ผ่านมา แน่นอนครับว่าสำหรับผมการได้นั่งฟังเสวนาครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ทางปัญญาพอสมควร เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ใช่คนที่จะได้ดูภาพยนตร์อะไรนักหนา เพราะบางทีก็เบื่อหนังที่เน้นเอาฮาอย่างเดียวบางครั้งก็หาสาระไม่ค่อยเจอ แต่ก็พอเข้าใจว่าผู้สร้างหนัง นายทุนหรือเจ้าของเม็ดเงิน บางทีก็ต้องเน้นผลประโยชน์ทางธุรกิจมากกว่าจะเน้นสาระให้เกิดปัญญากับชาวบ้าน
สำหรับคุณโสฬส สุขุม หรือคุณทองดี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรังสิต สาขาภาพยนตร์ และน่าจะเป็นโปรดิวเซอร์อิสระเพียงไม่กี่คนที่มีอยู่ในประเทศไทยขณะนี้ ซึ่งยืนหยัดสร้างหนังหรือภาพยนตร์อิสระ หนังทางเลือกที่ไม่เน้นทางธุรกิจ แต่ที่ผ่านมาภาพยนต์ที่คุณโสฬส อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลังก็ได้รับการตอบรับจากคอหนังแนวนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างมากมาย จนปลุกกระแสให้ผู้คนหันมาสนใจหนังอิสระมากขึ้น อาทิ ปี 2550 ภาพยนตร์ Wonderful Town กำกับโดยคุณอาทิตย์ อัสสรัตน์ ปี2552 ภาพยนตร์ Hi-so กำกับโดยคุณอาทิตย์ อัสสรัตน์ ปี2552 ภาพยนตร์ เจ้านกกระจอก กำกับโดยคุณอโนชา สุวิชากรพงศ์ ปี2552 ภาพยนตร์ ที่รัก กำกับโดยคุณศิวโรจน์ คงสกุล ปี2557 ภาพยนตร์ภวังค์รัก กำกับโดยคุณลี ชาตะเมธีกุล ปี2555 ภาพยนตร์แต่เพียงผู้เดียว กำกับโดยคุณคงเดช จาตุรันต์รัศมี ปี2556 ภาพยนตร์ตั้งวง กำกับโดยคุณคงเดช จาตุรันต์รัศมี ปี2557 ภาพยนตร์เอวัง กำกับโดยคุณคงเดช จาตุรันต์รัศมี ปี2559 ภาพยนตร์Snap แค่…ได้คิดถึง กำกับโดยคุณคงเดช จาตุรันต์รัศมี ปี2559 ภาพยนตร์ดาวคะนอง กำกับโดยคุณอโนชา สุวิชากรพงศ์ และภาพยนตร์Motel Mist หรือ โรงแรมต่างดาว กำกับโดยคุณปราบดา หยุ่น นักเขียนชื่อดังผันตัวมาทำภาพยนตร์เป็นเรื่องแรกของตัวเอง

ช่วงสุดท้ายของ "ตะลอนตามอำเภอใจ" เขียนเพลินจนเกือบจะเกินพื้นที่ สำหรับหนังทางเลือก หรือภาพยนตร์อิสระในอนาคตจะเติบโตอย่างแข็งแรงได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยพลักดันและขับเคลื่อนก็คงจะดีกว่าที่ผ่านมา นอกเหนือจากการพึ่งพากองทุนต่างประเทศ และบริษัทเอกชนบางแห่ง ซึ่งที่ผ่านมาถือเป็นท่อน้ำเลี้ยงสำคัญของคนทำภาพยนตร์แนวนี้เป็นหลักใหญ่แต่ก็ใช่ว่าจะได้รับการสนับสนุนอยู่ตลอด เพื่อให้คนทำหนังประเภททางเลือกหรือหนังอิสระสามารถสร้างงานศิลปะภาพเคลื่อนไหวได้อย่างแข็งแรงและมั่นคง และเป็นการเปิดมิติใหม่ทางปัญญาผ่านการดูหนังอิสระสะท้อนสังคม หรือภาพยนตร์นอกกระแส เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งของประชาชน...!!!
"นายตะลอน"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น