วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

นั่งรถไฟวงเวียนใหญ่ ย้อนความทรงจำเก่าๆ

     วามทรงจำเก่าๆที่ยังคงติดตราตรึงใจไม่รู้ลืม แม้จะล่วงเลยผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน แต่เราก็ยังคงเก็บความประทับใจไว้มิรู้ลืมจริงๆ ช่วงหนึ่งของ "ตะลอนตามอำเภอใจ" ผมมีโอกาสแวะเวียนมาที่วงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี ซึ่งคุ้นเคยตั้งแต่สมัยเด็กๆก็เลยไม่พลาดที่จะนั่งรถไฟเล่นเพลินๆ ที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ ตั้งอยู่ที่ถนนริมทางรถไฟ (วงเวียนใหญ่-ตลาดพลู) ใกล้วงเวียนใหญ่ แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี เป็นสถานีต้นทางของทางรถไฟสายแม่กลอง ก็เลยตีตั๋วราคา 3 บาท ไปลงที่ป้ายวัดไทร ไว้มีเวลามากกว่านี้ก็คงต้องนั่งยาวๆไปลงสถานีมหาชัย แล้วค่อยมาต่อก็แล้วกันครับ
          สำหรับสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ ตามข้อมูลระบุว่าเป็นสถานีรถไฟระดับ 3 เดิมเป็นสถานีต้นทางของรถไฟสายแม่กลองคือสถานีรถไฟปากคลองสาน แต่ไม่มีการเดินรถช่วงปากคลองสาน-วงเวียนใหญ่มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2504 สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2502
ในรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยรางรถไฟยังคงอยู่ แต่ราดยางมะตอยทับไว้ใต้พื้นถนน
ช่วงที่ยืนรอรถไฟเทียบชานชาลา ผมค่อยๆนึกถึงบรรยากาศเก่าๆสมัยเด็กๆที่เคยผูกพันกับรถไฟสายนี้ ความทรงจำเก่าๆก็เริ่มชัดขึ้นในหัวทีละนิด นึกแล้วก็ขำๆสมัยตอนเรียนมัธยมต้นก็มีเรื่องตื่นเต้นขึ้นรถไฟจากสถานีวัดสิงห์มาลงที่สถานีวัดไทร ไม่ยอมตีตั๋วก่อนขึ้นรถไฟ สมัยนั้นเป็นตั๋วกระดาษแข็งๆสีน้ำตาลเข้ม สี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆ พอได้ยินเสียงคนหนีบตั๋วเดินมา แป๊กๆๆๆ ผมกับเพื่อนๆก็จะเดินหนีไปตู้อื่นบางทีก็
รอด บางครั้งก็ไม่รอดก็ตีตั๋วบนรถเอาแก้ตัวกันไปชนิดน้ำขุ่นๆตีตั๋วไม่ทันรีบขึ้นรถอะไรประมาณนี้ นึกขึ้นมาทีไรก็อดขำๆไม่ได้ทุกที
บรรยากาศบริเวณชานชาลาสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ จากวันนั้นเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ดูแล้วมีการพัฒนาขึ้นมากมาย แต่ที่เป็นเสน่ห์และดูเหมือนว่ายังเหมือนเดิมคือร้านอาหารต่างๆที่ทำการค้าขายกัน มีอาหารคาวหวานให้เลือกซื้อกินอย่างหลากหลายจริงๆ มองไปฝั่งตรงข้ามชานชาลามีร้านตัดผมเก่าแก่ "ไพฑูรย์บาร์เบอร์" ที่ผม
เคยเห็นตั้งแต่เด็กๆยังคงเปิดบริการอยู่ แม้ไม่เคยใช้บริการตัดผมที่ร้านแห่งนี้ แต่ก็เป็นภาพที่ติดตาอยู่เหมือนกันเวลามารอขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่
ช่วงสุดท้ายของ "ตะลอนตามอำเภอใจ" โหๆๆอะไรกันเนี่ยยังไม่ทันขึ้นรถไฟเลยจะจบเรื่องเขียนแล้วเหรอ เชื่อว่าคนที่อ่านถึงตรงนี้ก็คงคิดเหมือนกัน เพราะมีเสียงของเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟ เสียงใสๆของผู้หญิงได้ประกาศว่าอีกหนึ่งนาทีถ้าจำไม่ผิดนะจะมีรถเข้าเทียบชานชาลา พร้อมเตือนให้ผู้จะโดยสารออกห่างจากชานชาลา หลังจากรถไฟเข้าเทียบชานชาลาระหว่างนี้จะชุลมุนเล็กน้อยเพราะมีทั้งคนที่จะลงจากรถไฟและคนที่จะขึ้นรถไฟเพื่อไปจับจองที่นั่งกัน แต่เนื่องจากช่วงที่ผมขึ้นไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วนจึงมีที่นั่งริมหน้าต่างว่างๆอยู่หลายที่ ผมจึงนั่งชมวิวริมหน้าต่างได้อย่างเพลินใจมองบบรยากาศข้างทางขณะที่รถไฟวิ่งฉึกฉักๆๆอยู่เหมือนว่าเวลายังผ่านไปไม่นาน บ้านเรือนผู้คนบางหลังที่เคยเห็นสมัยเด็กๆก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง เนี่ยละคือการท่องเที่ยวย้อนความทรงจำเก่าๆของผมเพื่อนึกถึงวันวานที่ผ่านมา...!!!
                             "นายตะลอน"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น