จังหวัดปราจีนบุรี เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกของประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นจังหวัดแห่งมรดกโลก เพราะมีอุทยานแห่งชาติที่เป็นมรดกโลกถึง 3 แห่ง แถมเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เนื่องจากมีการพบซากโบราณสถานในหลายพื้นที่ของจังหวัดปราจีนบุรี ที่สำคัญยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่งด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ป่ามากที่สุดในภาคตะวันออกอีกด้วย

สำหรับจังหวัดปราจีนบุรี มีพื้นที่ทิศเหนือติดกับจังหวัดนครนายกและจังหวัดนครราชสีมา ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดสระแก้ว ทิศใต้ติดกับจังหวัดฉะเชิงเทราและทิศตะวันตกติดกับจังหวัดนครนายกและจังหวัดฉะเชิงเทรา
ในสมัยอยุธยาปรากฏชื่อเมืองปราจีนบุรีเป็นครั้งแรก คำว่า "ปราจีนบุรี" เป็นคำสมาส เกิดจากคำว่า "ปราจีน" กับคำว่า "บุรี" คำว่า "ปราจีน" หรือ "ปาจีน" หมายความว่า ทิศตะวันออก ส่วนคำว่า "บุรี" หมายความว่า "เมือง" รวมแล้วคำว่า "ปราจีนบุรี" หมายถึงเมืองตะวันออก
การเขียนชื่อเมืองปราจีนบุรีแตกต่างกันไป เช่น ปราจินบุรี ปราจิณบุรี และปาจีนบุรี แต่ความหมายน่าจะหมายถึงเมืองทางตะวันออกของราชอาณาจักรไทย "ปราจีนบุรี" ในฐานะหัวเมืองชั้นในด้านทิศตะวันออก สันนิษฐานว่า ในสมัยอยุธยาตอนต้นก่อนการปฏิรูปการปกครองในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ.1991-2031) เมืองปราจีนมีฐานะเป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ราชธานีคือ กรุงศรีอยุธยา โดยทางกรุงศรีอยุธยาจะส่งขุนนางมาปกครอง โดยให้ขึ้นตรงต่อเมืองหลวง

ในสมัยธนบุรีได้กล่าวถึงเมืองปราจีนเพียงว่าเป็นเมืองที่อยู่ในเส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ยกทัพจากกรุงศรีอยุธยาไปยังเมืองจันทบุรี กล่าวคือเมื่อ พ.ศ.2309 ขณะที่กองทัพพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่นั้น สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อครั้งเป็นพระยากำแพงเพชร ทรงเล็งเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาจะเป็นอันตราย จึงรวบรวมทหารไทย-จีน ประมาณ 1,000 คนเศษ พร้อมด้วยอาวุธออกไปตั้ง ณ วัดพิชัย

จากตัวเมืองปราจีนบุรี เดินทางถึงสี่แยกเนินหอมเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 33 ระยะทางประมาณ 3 กม. จะมีทางแยกซ้ายมือระหว่างหลัก กม.ที่ 160-161 เข้าไปอีกประมาณ 2 กม. จะพบ "น้ำตกเขาอีโต้" เป็นธารน้ำไหลผ่านโขดหินน้อยใหญ่ลดหลั่นเป็นชั้นๆ ความสูงไม่มากนัก จากอ่างเก็บน้ำเขาอีโต้จะมีถนนขึ้นไปจนถึงยอดเขา เพื่อชมทัศนียภาพโดยรอบ ระยะทางประมาณ 11 กม. และช่วง กม.ที่ 6 จะมีเนินมหัศจรรย์ คือถ้าจอดรถแล้วเข้าเกียร์ว่างไว้รถจะไหลขึ้นเนินได้ ซึ่งเกิดจากภาพลวงตาจากภูมิประเทศโดยรอบ แต่น่าเสียดายที่ผมไม่มีโอกาสขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามบนยอดเขาแห่งนี้ เพราะมีเวลาจำกัด ต้องรีบเดินทางกลับกรุงเทพฯ เลยไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ชมกัน
สำหรับ "น้ำตกเขาอีโต้" ตั้งอยู่ในวนอุทยานน้ำตกเขาอีโต้ มีจุดเด่นตรงที่สามารถเข้าไปนั่งพักผ่อนในแนวโขดหินของตัวน้ำตกได้ และสามารถสัมผัสกับสายน้ำที่ไหลผ่านตลอดแนวโขดหินได้อย่างใกล้ชิดที่สุด เพราะแนวโขดหินภายในตัวน้ำตกก็จะมีต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่มากที่สลับแซมขึ้นตลอด ส่วนแนวโขดหินช่วยให้ร่มเงาและสร้างความร่มรื่นในยามพักผ่อนได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังเป็นธารน้ำที่ไหลตลอดทั้งปี มีน้ำมากเฉพาะในช่วงฤดูฝน มีแอ่งน้ำเล็กๆ อยู่เป็นชั้นๆ ทุกชั้น สลับกับแนวโขดหิน แต่ละแอ่งน้ำไม่ลึกและไหลไม่แรงมากนัก สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย สภาพบริเวณโดยรอบตัวน้ำตกเป็นป่าโปร่ง มีทั้งป่าธรรมชาติและมาจากป่าที่ปลูกขึ้นใหม่
ช่วงสุดท้ายของ "ตะลอนตามอำเภอใจ" ผมคงต้องบอกว่า การได้มาสัมผัสธรรมชาติที่อ่างเก็บน้ำเขาอีโต้ และ "น้ำตกเขาอีโต้" แม้ว่าการมาตะลอนฯ ของผมในครั้งนี้จะมีเวลาไม่มากนัก แต่ก็ถือว่าอิ่มเอิบใจพอสมควร ที่มีโอกาสสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดครับ...!!!
นวย เมืองธน
***********************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น