วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2561

เดินทอดน่องตลาดท่าทราย ตัดผมฟรีสร้างสีสันรอยยิ้ม

          ากเอ่ยถึง "ตลาดนัด" เชื่อเหลือเกินว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก เพราะตลาดนัดเป็นแหล่งขายอาหารสด ไม่ว่าจะผักต่างๆ เนื้อสัตว์ต่างๆ อาหารปรุงสำเร็จและขนมต่างๆ รวมถึงสินค้าเบ็ดเตล็ดต่างๆ ของใช้ในครัว เสื้อผ้าแฟชั่นต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสินค้าต่างๆ ที่มาขายตลาดนัดก็จะวางขายกับพื้น วางบนโต๊ะหรือแผงที่สร้างขึ้น
         ที่สำคัญตลาดนัดจะไม่เปิดขายทุกวัน เพราะสัปดาห์หนึ่งจะขายของกันไม่กี่วัน แล้วแต่สถานที่นั้นๆ ว่าจะมีตลาดนัดวันไหนบ้าง ซึ่งการขายของตลาดนัด ถือเป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถเพิ่มรายได้ให้กับผู้มีงานประจำอยู่แล้ว หรือบางคนไม่มีงานประจำ แต่มีอาชีพหลักขายของตามตลาดนัดอย่างเดียว ก็มีจำนวนมากทีเดียว
ปัจจุบัน "ตลาดนัด" ในประเทศไทยมีมากมายและขายของหลากหลายมากขึ้น มีทั้งตลาดนัดเช้า สาย บ่าย เย็น จนถึงกลางคืน สีสันตลาดนัดแต่ละแห่งก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับตลาดนัดนั้นๆ จะเน้นจุดขาย













หรือกลุ่มเป้าหมายใด ซึ่งไม่ว่าจะเน้นกลุ่มเป้าหมายใด แต่ตลาดนัดทุกแห่งสามารถสร้างงาน สร้างเงินให้กับพื้นที่ และยังเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่เติมเต็มสีสันด้านการท่องเที่ยวให้กับพื้นที่ เพราะตลาดนัดบางแห่งยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย อย่างเช่น ตลาดนัดจตุจักร เป็นต้น เมื่อนักท่องเที่ยวทั่วโลกเมื่อมาเยือนไทย ก็จะต้องหาเวลามาแวะเที่ยวชมจับจ่ายสินค้าที่ตัวเองชอบ ทำให้เกิดเม็ดเงินสะพัดจากนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเลย
         แน่นอนว่าผมหยิบยกเรื่อง
ราวตลาดนัดมาเขียนถึง เพราะช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีโอกาสมา "ตะลอนตามอำเภอใจ" ที่ตลาดท่าทราย ชุมชนเคหะท่าทราย ถนนประชาชื่น แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งตลาดนัดแห่งนี้จะขายของกันในช่วงเช้ายันสาย ส่วนของที่มาขายก็มีเกือบทุกอย่าง ตั้งแต่อาหารทะเลสดๆ ผัก ผลไม้ หมู ไก่ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เสื้อผ้ามีหมด อาหารสำเร็จรูป หมูปิ้ง กล้วยทอดก็มีน่ะเออ เอาเป็นว่าเยอะมาก บรรยายไม่ไหวจริงๆ
ผมเดินจนเพลินดูของที่พ่อค้า แม่ค้า นำมาขายกัน ระหว่างเดินเห็นกล้วยไข่ก็เลยอุดหนุนแม่ค้าหวีหนึ่ง เดินไปอีกหน่อยเห็นพ่อค้าย่างข้าวจี่ เลยอุดหนุนไปอีก 3 ไม้ ถึงขั้นจุกกันไปเลยทีเดียว การเดินท่องเที่ยวตลาดนัด ถือเป็นวิถีหนึ่งของผม นอกจากจะได้เห็นสินค้าต่างๆ มากมายแล้ว เรายังได้ออกกำลังขาอีกด้วยนะ และหากใครผ่านมาย่านชุมชนเคหะท่าทราย ก็ลองมาเดินเล่นจับจ่ายสินค้ากัน
                ช่วงสุดท้ายของ "ตะลอนตามอำเภอใจ" ในวันนั้นบรรยากาศแถวตลาดท่าทรายคึกคักเป็นพิเศษ เพราะศูนย์ฝึกอาชีพจตุจักรนำคณะอาจารย์ และนักเรียนภาคเสาร์-อาทิตย์ แผนกตัดผมชาย และแผนกเสริมสวยมาออกหน่วยบริการตัดผมฟรีให้กับชาวบ้านในย่านนี้ บริเวณสนามฟุตบอลอยู่ติดกันกับตลาด ซึ่งมีประชาชนแวะเวียนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก สังเกตสีหน้าชาวบ้านที่มาใช้บริการ หลายคนยิ้มแย้มแจ่มใสพอใจในการบริการ ส่วนนักเรียนเอง แม้จะเป็นมือใหม่ให้ตัด แต่ก็ใช้ทักษะที่เรียนมาบริการลูกค้าอย่างเป็นกันเอง บรรยากาศในวันนั้นจึงเกิดสีสันและความอบอุ่น มีแต่รอยยิ้มกันถ้วนหน้า...
                                     นายตะลอน

วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561

นักท่องเที่ยวนิยม ขอพรเขาชีจรรย์

         "พัทยา" แม้จะเป็นแค่เมืองท้องถิ่นใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แต่ในด้านความเจริญนั้นถือว่ารุ่งเรืองและรวดเร็วมาก โดยเฉพาะการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของพัทยานั้นไปไกลชนิดฉุดไม่อยู่จริงๆ พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีหาดทรายและชายทะเลซึ่งมีชื่อเสียงระดับนานาชาติ และถือเป็นเมืองภาพยนตร์ เพราะมีการถ่ายทำภาพยนตร์หลายร้อยเรื่องต่อปีทีเดียว
          ช่วงที่มีโอกาสมาเยือนเมืองพัทยา ผมมีโอกาสมา "ตะลอนตามอำเภอใจ" ที่ "เขาชีจรรย์"  ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพัทยา เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาตินิยมแวะเวียนมากันไม่ขาดสาย เพราะจุดเด่นของที่นี่ คือพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งแกะสลักไว้บนหน้าผาขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณ 130 เมตร ฝังด้วยกระเบื้องโมเสกสีทองเต็มร่องสวยงามอย่างมาก และสามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัดแต่ไกลอีกด้วย ถือเป็นจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวเมื่อมาเยือนแล้วจะไม่
พลาดถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน ซึ่งผมเองก็เช่นกันขอเช็คอินสักภาพสองภาพนะครับ
สำหรับ "เขาชีจรรย์" ตามประวัติที่มาที่ไปที่ผมไปค้นตามอินเทอร์เน็ต (ปล.ขอบคุณแหล่งที่มาจากหลายๆ ที่ด้วยครับ) ซึ่งระบุว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตพระราชทานนามพระพุทธรูปว่า "พระพุทธมหาวชิร อุตตโมภาสศาสดา" มีความหมายว่า "พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดา ที่รุ่งเรืองสว่างประเสริฐ ดุจดังมหาวชิระ" ซึ่งเขาชีจรรย์สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี จากพระราชดำริของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องจากทรงเสียดาย "เขาชีจรรย์" ที่มีภูมิทัศน์ยิ่งใหญ่สง่างามตามธรรมชาติ แต่กำลังถูกระเบิดทำลาย
    ส่วนข้อมูลทางธรณีวิทยา ระบุว่าหน้าผาเขาชีจรรย์เป็นเหมืองหินเก่า มีความสูงประมาณ 170 เมตร หันหน้า (ด้านที่ระเบิดออก) ไปทางทิศเหนือ
โดยประมาณ เริ่มแรกใช้วิธีการวาดรูปพระพุทธรูปบนหน้าผาโดยการห้อยเชือกวาด โดยนาวิกโยธินจากฐานทัพเรือสัตหีบ ต่อมาภายหลังได้มีการฉายเลเซอร์เป็นภาพไปบนหน้าผา เพื่อความแม่นยำในการแกะสลัก ซึ่งโครงการนี้ต้องมีการศึกษาธรณีวิทยาอย่างละเอียด และอาจเป็นการดูหินที่หวาดเสียวที่สุดในประเทศไทย เพราะนักธรณีวิทยาที่รับผิดชอบงานนี้จะต้องห้อยโหนโจนทะยานตรวจสอบสภาพหินในระดับความสูงเกือบ 200 เมตรทีเดียว

              ช่วงสุดท้ายของ "ตะลอนตามอำเภอใจ" สำหรับหน้าผาเขาชีจรรย์ประกอบด้วยหินปูนยุคออร์โดวิเชียน ที่ถูกแปรสภาพจากการแทรกตัวของหินแกรนิต ทำให้หินปูนดังกล่าวบางส่วนกลายสภาพเป็นหินแปรชนิดหินอ่อนและหินแคลซ์ซิลิเกต สีเทาดำสลับขาว หินแรงระเบิดจากการทำเหมืองหินในอดีต ประกอบกับการแทรกตัวของหินแกรนิตทำให้หินบริเวณหน้าผามีสภาพแตกร้าว มีรอยเลื่อนและคดโค้งมากมาย และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะมาไหว้สักการะขอพรที่ผาเขาชีจรรย์ให้ชีวิตมีความสุขอีกด้วย...!!!
                         นายตะลอน